บทความล่าสุดจากสมาชิก

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมณัฐวุฒิ ภู่เพชร ก่อนอื่นต้องขออภัยเพื่อนๆที่ติดตามอ่านบทความของผมทุกๆบทความด้วยนะครับที่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาได้อัพเดทบทความใหม่ๆเลยเนื่องจากติดภารกิจหลายอย่างจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าในบทความนี้ผมก็อยากมาแบ่งปันประสบการณ์การในเรื่องของการบริหารจัดการเงินอย่างไรให้เกษียณรวย แต่ก่อนอื่นผมต้องขอปรับทัศนคติของเพื่อนๆหลายคนก่อนนะครับที่คิดว่าหากเราหาเงินได้เยอะๆแล้วเราจะ “รวย ”นั่นคือความคิดที่ผิดมหันต์เลย หาเงินได้เยอะแล้วจะรวยจริงหรือ? ผมตอบได้เลยครับว่า “ไม่จริง” ครับการที่เราหาเงินได้เยอะไมได้แปลว่าเราจะรวย เพราะจะรวยหรือไม่รวยมันไม่ได้วัดกันที่เงินที่หามาได้ แต่มันวัดกันที่เงินที่เหลือเก็บต่างหากล่ะ จริงไหมครับ? สมมุตินะครับ ถ้าวันนี้เพื่อนๆมีรายได้เดือนล่ะ 1 ล้านบาท แต่ใช้หมดเลยไม่เคยเหลือเก็บ กับผม มีรายได้เดือนล่ะ 30,000 บาท แต่รู้จักเก็บออมเงินเดือนล่ะ 10,000 บาททุกเดือน เพื่อนๆคิดว่า พอถึงสิ้นปีใครจะรวยกว่ากันครับ? เพราะฉะนั้นเปลี่ยนความคิดซะใหม่และเริ่มหันมาออมเงินกันได้แล้วนะครับ เพราะจะรวยมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวินัยในการออมของเพื่อนๆแต่ล่ะคนครับ อย่าเห็นเงินเป็นพระเจ้า แต่จงทำตัวเป็นพระเจ้าของเงิน กฎข้อนี้อยู่ในหนังสือที่ชื่อ “กฎแห่งความร่ำรวย ”เป็นกฏที่ออกมาเตือนสติเพื่อนๆหลายคนได้ดีเลยทีเดียว เราจะสังเกตได้ว่า คนส่วนใหญ่มักเห็นเงินเป็นพระเจ้า ไม่ว่าใครจะหยิบยื่นอะไรมาทำหมดโดยไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันใช่สำหรับตัวเขาหรือปล่าว? จึงมักได้เงินเป็นเพียงแค่เศษๆครับ แต่ไม่เคยได้เงินเป็นก้อนเลยจริงไหมครับ? ส่วนคนรวยนั้นเขาจะทำตัวเป็นพระเจ้าของเงินคือเขาสามารถบริหารจัดการเงินของเขาได้เป็นอย่างดี มีการแบ่งสรรถปันส่วนและรู้ว่าจะให้เงินทำงานแทนเขาได้อย่างไร นี่แค่มุมมองก็ต่างกันแล้วนะครับ กฎ 40:30:30 คือกฎในการออมเงินที่ผมใช้อยู่ครับ เพื่อนๆสามารถออมเงินให้รวยได้ถ้ารู้จักบริหารจัดการเงินของตนเอง เมื่อเพื่อนๆได้เงินมา ก็ให้แบ่งออกเป็น 3ส่วน 1.ส่วนแรกนั้นให้แบ่ง 40% ไว้ลงทุน เช่นลงทุนให้หุ้น ตราสารหนี้ ลงทุนทำธุรกิจ ลงทุนให้กับตัวเองด้วยการซื้อคอร์สดีๆ ซื้อหนังสือดีๆมาอ่านเพื่อพัฒนาทักษะของตันเอง เป็นต้น 2.ส่วนที่สองนั้นให้แบ่ง 30% เอาไว้ใช้ง่ายส่วนตัวเช่น ค่ากิน ค่าเที่ยว ค่าห้อง ค่าน้ำมัน เป็นต้น 3.ส่วนที่สามนั้นให้แบ่ง 30% สำรองเงินเอาไว้ในยามฉุกเฉิน จำคำผมเอาไว้นะครับว่าชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนและเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันดีคืนดีเราจำเป็นจะต้องใช้เงินเร่งด่วนตอนไหน เพราะฉะนั้นให้เรามีเงินสดสำรองจ่ายไว้ในยามที่ฉุกเฉินด้วย เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย หรือญาติพี่น้องล้มหมอนนอนเสื่อและจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน เป็นต้นครับ ผมอยากเตือนอีกอย่างนะครับว่าถ้าเพื่อนๆไม่มีนิสัยของการบริหารจัดการเงินในวันนี้ เงินที่เพื่อนๆใช้อยู่จะมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆเพราะเงินมันเฟ้อมากขึ้นทุกปีครับในอีก 10 ปีข้างหน้าเงิน 100 บาทอาจจะไม่พอกินข้าว 1 จานก็เป็นได้ครับ สรุป.บทความนี้ก็เป็นการแบ่งปันแนวคิดและเทคนิคการออมเงินที่ผมใช้อยู่อย่างมีวินัย ซึ่งเพื่อนๆเองสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของเพื่อนๆได้และหวังว่าเพื่อนๆจะลองปรับแนวคิดใหม่และเริ่มหันมาบริหารจัดการเงินที่เพื่อนๆมีอยู่กันมากขึ้นครับ   ( ถ้าอ่านจบแล้วรบกวนกด "ปุ่ม LIKE" หรือ "แชร์ "ทางขวามือให้ด้วยนะครับ ) ปล.สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามเผยแพร่ซ้ำก่อนได้รับอนุญาติ เราจะดำเนินการตามกฎหมายสูงสุดกับผู้ละเมิด และไม่ยอมความ ติดต่อผม ณัฐวุฒิ (088-6196553) หรือเข้ามาทักทายผมที่ http://www.facebook.com/NattawutPuphet อ่านเพิ่มเติม

รวมไปถึงการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับสายเฮลตี้หนักหน่วง พ่วงมาด้วยการอาหารการกินก่อนไปออกกำลังกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ไปติดตามกันค่ะ สาวๆที่ชอบกินส้มตำ ให้ลองสังเกตตัวเองว่าท้องอืดบ่อยไหม เพราะในมะระกอดิบมันเป็นคาร์โบไฮเดรต เป็นไฟเบอร์ที่ร่างกายย่อยยาก เมจิมีเทคนิคในการกินส้มตำก็คือ ให้กินตำแตงกวา เพราะในน้ำแตงกวา มันจะมีฤทธิ์ช่วยลดโซเดียมในร่างกายลงได้ โดยเฉพาะใครที่ชอบส้มตำรสชาติเค็ม ใส่ปลาร้า หากเปลี่ยนมาเป็นตำแตง มันก็จะช่วยขับโซเดียมออกด้วย นี่เป็นเทคนิคของเมจิค่ะ อ่านเพิ่มเติม